เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค


เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2020

เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค
The Glocalist : สังคม การเมือง และเศรษฐกิจท้องถิ่น จะมีความสำคัญต่อผู้คนไม่น้อยกว่าเรื่องของทวีปหรือโลก เพราะผู้คนรู้สึกว่ารัฐชาติและรัฐบาลนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือหรือมีอำนาจที่เหมาะสมอีกต่อไป และพวกเขามีความสามารถที่จะยกระดับเรื่องของท้องถิ่นสู่ความเป็นสากลได้

The Hybrid Humanist : ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าในปี ค.ศ. 2020 นั้นจะเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Hybrid Intelligence หรือยุคของการผสมผสานระหว่าง Human Intelligence และ Artificial Intelligence เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนให้กับอุตสาหกรรม ผู้บริโภคก็จะยินดีเปิดใจรับนวัตกรรมใหม่นี้ (เช่น การเชื่อมสมองเข้ากับอินเทอร์เน็ตให้กลายเป็น IoT แบบเรียลไทม์) แต่ก็คาดหวังต่อบริษัทด้านเทคโนโลยีให้มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อการดำเนินงานมากขึ้น

The New Skecptical : ผู้บริโภคลดความวางใจและเชื่อใจจากโฆษณา โดยใส่ใจคำแนะนำของเพื่อน รีวิวออนไลน์ บล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า การเข้าถึงข้อมูลได้ครบถ้วนและทันทีที่เกิดความสงสัยจึงเป็นกุญแจสำคัญ รวมถึงการมีส่วนในการแสดงออกและแลกเปลี่ยนความเห็นด้วย

The Boundaryless : ผู้บริโภคจะไม่ยึดติดกับกรอบความคิดหรือธรรมเนียมปฏิบัติแบบเดิม ทั้งในแง่อายุ เพศ หรือเขตแดนทางภูมิศาสตร์ ดังนั้น คำหรือแนวคิดที่ใช้ในแคมเปญจึงต้องเปิดกว้างและครอบคลุมมากขึ้น




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค             

              เทรนด์อื่นๆ ที่น่าสนใจของโลกในปี ค.ศ. 2020

บ้านและคอมมูนิตี้เป็นสิ่งสำคัญ : การเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนต่างๆ ของโลก ทำให้คนส่วนใหญ่ให้คุณค่ากับบ้านและชีวิตรอบบ้าน ประกอบกับความสะดวกสบายจากโลกออนไลน์ ทำให้ไม่ค่อยเหลือเหตุผลให้ต้องออกจากบ้านโมเดลการพักอาศัยรูปแบบใหม่อย่างCo-operative Housing หรือ Shared-Living จึงเพิ่มขึ้นเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีส่วนร่วมในชุมชนและใช้ชีวิตอยู่ในโครงการได้อย่างมีความสุข

โลกต้องการความเอื้ออารีต่อกัน : การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำงานในยุค Gigeconomy เราจึงเห็นบล็อกและหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการพัฒนาจิตใจจนชินตา พร้อมคำอธิบายว่า นั่นคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์ ที่สามารถบรรเทาความเจ็บปวดแห่งยุคสมัยได้
ผู้บริโภคกำหนดทิศทางของแบรนด์ : โครงการ CSR ไม่สามารถซื้อใจผู้บริโภคได้อีกต่อไป คุณค่าของแบรนด์อยู่ที่ความเชื่อและประสบการณ์ที่ผู้บริโภคสั่งสมผ่านตัวพวกเขาเองมากกว่า และผู้บริโภคยุคใหม่ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการท้าทายแบรนด์ เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘เศรษฐกิจทางอารมณ์’ (Emotion Economy) คือผู้บริโภคกำหนดทิศทางของแบรนด์ ผ่านความต้องการหรือความคาดหวังของตนเอง แบรนด์ต่างๆ จึงจำเป็นต้องสร้างอารมณ์ร่วม เคารพ และแสดงจุดยืนฝั่งเดียวกับผู้บริโภคให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องความหลากหลาย



DNA Economy : ข้อมูลและเทคโนโลยีด้านชีวภาพและพันธุศาสตร์ สามารถทำให้เราวินิจฉัยและแก้ปัญหาสุขภาพได้ตรงจุดมากขึ้น รวมถึงสามารถออกแบบการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) เรื่องของดีเอ็นเอจึงไม่ได้อยู่เพียงในห้องแล็บอีกต่อไป แต่ก้าวออกมาสู่ความสนใจของคนทั้งโลก การพิชิตความเจ็บป่วยด้วยดีเอ็นเอจึงเติบโตขึ้น พร้อมกันกับที่ประเทศต่างๆ ปฏิวัติระบบดูแลสุขภาพ เพื่อเป็นแนวทางการรักษาโรคที่สำคัญอย่างมากในอนาคต

Local Activism : กลุ่มคนรุ่นใหม่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลง เพราะประชาชนทั่วโลกต่างสูญเสียศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลหรือองค์กรของประเทศตัวเอง กลุ่มคนเล็กๆ จึงเริ่มต้นแก้ปัญหารอบด้านที่เกิดขึ้นโดยไม่พึ่งพาศูนย์กลาง

Crowd-based Capitalism : ที่ผ่านมา เศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Eeconomy) เติบโตและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 2020 เราทุกคนจะเข้าสู่ระบบทุนนิยมจากมวลชน (Crowd-based Capitalism) ซึ่งเป็นรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ รัฐและองค์กรต่างๆ จึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจรูปแบบการทำงานของคนที่เปลี่ยนไป และมองหาโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง

HI-AI : ปี ค.ศ. 2020 คือจุดเริ่มต้นของการวางระบบปปฏิบัติการ AI ในธุรกิจดิจิทัลทุกประเภท แต่ความเคลือบแคลงใจปัญญาประดิษฐ์เป็นที่มาของการผสานความอัจฉริยะของมนุษย์ (Human Intelligence) กับความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) รวมถึงการป้อน EQ ให้กับระบบปฏิบัติการ เพื่อทำให้เทคโนโลยีมีความเป็นมนุษย์มากที่สุด

จริยธรรมเทคโนโลยี : การละเมิดสิทธิบนโลกดิจิทัลเกิดขึ้นตลอดเวลา และเริ่มทวีความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้คนต่างยินยอมแลกข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้ได้มาซึ่งบริการและความสะดวกสบายในชีวิต การสร้างมาตรฐานใหม่ด้านจริยธรรมเทคโนโลยี (Tech Ethics) จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศกำหนดเป็นกฎหมายใช้แล้ว รวมถึงได้รับการบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยด้วย




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค
โภชนาการด้านดิจิทัล (Digital Nutrition) : ปี ค.ศ. 2019 นับเป็นปีที่เป็นที่สุดของสื่อโซเชียลมีเดียในหลายๆ ด้าน ขณะเดียวกัน อาการเสพติดโซเชียลมีเดียและสมาร์ตโฟนก็รุนแรงขึ้นในหลายๆ ประเทศ จนบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายบริษัทต้องออกระบบหรือฟังก์ชั่นมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Do Not Disturb, Bed Time Mode, หรือแคมเปญ Digital Detox ของแบรนด์ต่างๆ ซึ่งในปีหน้าก็มีแนวโน้มว่าจะมีการ customized ขึ้นเรื่อยๆ

ยุคหลังลัทธิบริโภคนิยม (Post-consumerism) : ในด้านของสิ่งแวดล้อม ปัญหาสภาพอากาศ ขยะพลาสติกหรือมลพิษด้านต่างๆยังคงอยู่ และความยั่งยืนยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนของทุกภาคอุตสาหกรรมกระบวนการผลิตจะเกิดการพลิกผันสินค้าขั้นสุดท้ายจะถูกนำมาเป็นต้นทุนในการผลิตสินค้าใหม่ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าน้อยลงและลงทุนมากขึ้นกับระบบใหม่ที่ช่วยยกระดับวงจรของผลิตภัณฑ์ แต่ละแบรนด์จึงพยายามมองหาวิธีการปรับปรุงกระบวนการออกแบบและผลิตสินค้า หลายๆ ประเทศก็มีการออกบนโยบายเพื่อขับเคลื่อนเมืองเชิงบวก (Positive City) ที่มุ่งเน้นการทำในสิ่งที่ดีขึ้นต่อโลก ไปพร้อมกันกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ถูกนำมาใช้มากขึ้น แม้จะถูกท้าทายจากระบบทุนนิยม


        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น